ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่ติด 1 ใน 10 อันดับประเทศที่มีการเกิดแผ่นดินไหวบ่อยที่สุด ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าลักษณะที่ตั้งของประเทศญี่ปุ่นอยู่ในเขตที่เกิดแผ่นดินไหว และยังมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวถูกบันทึกไว้หลายครั้งด้วยกัน เกือบ 75% ของพลังงานแผ่นดินไหวในโลกถูกปลดปล่อยในบริเวณขอบของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นสาเหตุว่า ทำไมแผ่นดินไหวส่วนมากจึงเกิดในประเทศหมู่เกาะอย่าง ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
โดยปกติแล้วแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นถือเป็นเรื่องธรรมดา และเรียกได้ว่าเกิดแผ่นดินไหวในระดับเล็กน้อยแทบจะทุกวัน บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่า มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นประมาณ 20 ครั้งต่อวันในประเทศญี่ปุ่น (แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณทะเลภายนอกที่ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อแผ่นดินใหญ่) จากที่เราทราบกันดีในประเทศญี่ปุ่นก็มีภัยพิบัติใหญ่ ๆ เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว โดยในช่วงปีที่ผ่านมาเริ่มเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากขึ้นหลายครั้งในญี่ปุ่น ลองมาดูแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นทั้ง 3 ครั้งในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา
วันที่: 12 กรกฎาคม 1993
จำนวนผู้เสียชีวิต: 230 คน
สถานที่: ฮอกไกโด
แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้ค่อนข้างต่ำ แต่ก็ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ซึ่งมีจำนวนผู้เสียชีวิต 40 คน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งของเกาะฮอกไกโดในทะเลของญี่ปุ่น และมีขนาด 7.7 โดยมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาภายหลังแผ่นดินไหว 2 ครั้ง ที่ 20 วินาทีและ 35 วินาทีถัดมา เกิดความเสียหายจากแผ่นดินไหวที่แท้จริงไม่มากนัก แต่แผ่นดินไหวก็ก่อให้เกิดสึนามิขนาดใหญ่ที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตของผู้คนครั้งใหญ่
พื้นที่โอคุชิริ เคยได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวก่อนหน้านั้น 10 ปี ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน แม้ว่าในพื้นที่ได้มีการป้องกันภัยจากสึนามิ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถกั้นแรงของคลื่นสึนามิจากแผ่นดินไหวฮอกไกโดได้ ทำให้เกิดผลกระทบกับฮอกไกโด สึนามินี้แผ่กระจายไปยังฮอนชู เกาหลีใต้ และตะวันออกเฉียงใต้ของรัสเซีย จากผลกระทบของสึนามิได้มีการก่อสร้างปรับปรุงกำแพงในโอคุชิริใหม่เพื่อรองรับภัยพิบัติในอนาคต
วันที่: 17 มกราคม 1995
จำนวนผู้เสียชีวิต: 6,434 คน
สถานที่: โกเบ
โกเบ (อ่าวโอซาก้า, ตอนกลางของญี่ปุ่น) เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิน หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า “แผ่นดินไหวโกเบ” แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นส่วนใหญ่เกิดที่บริเวณริมชายฝั่งและเกิดขึ้นจากความกดระหว่างชั้นเปลือกโลก แต่แผ่นดินไหวใหญ่ฮันชินเป็นอีกลักษณะหนึ่งที่เรียกว่า ‘inland shallow earthquake’ หรือ แผ่นดินไหวระดับตื้น ซึ่งจุดศูนย์กลางอยู่ลึกไม่เกิน 20 กิโลเมตรจากผิวโลก แผ่นดินไหวชนิดนี้ก่อให้เกิดผู้เสียชีวิตเพราะเกิดขึ้นในบริเวณที่อยู่อาศัย
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิน เกิดขึ้นบริเวณตอนใต้ของเมืองโกเบและกระจายออกมาโดยรอบจุดศูนย์กลาง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเช้าด้วยขนาด 6.9 ริกเตอร์ ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกกว่า 74 ครั้งที่สามารถรับรู้ได้ และผู้รอดชีวิตกลัวที่จะกลับบ้านเพราะกลัวอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดหลังภัยพิบัติ บริเวณที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด คือ 1 ใน 5 ของอาคารที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักและไม่สามารถใช้อยู่อาศัยได้ หรือถูกทำลายโดยสมบูรณ์ บ้านที่เก่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในขณะที่ตึกสูงซึ่งก่อสร้างหลังปี 1981 อยู่ในสภาพที่ดีกว่า ถนนสายหลักหลายแห่งเสียหายรวมไปถึงการถล่มของ Hanshin Expressway
แผ่นดินไหวโกเบถือเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอาสาสมัคร หลังการเกิดแผ่นดินไหวอาสาสมัครจำนวนมากเดินทางไปยังโกเบจากทั่วประเทศญี่ปุ่น เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย อาสาสมัครจำนวน 1.2 ล้านคนเข้าร่วมการช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ภายใน 3 เดือนหลังภัยพิบัติ แม้แต่ยากูซ่าท้องถิ่นก็เข้าร่วมด้วย หลังจากแผ่นดินไหวในจังหวัดเฮียวโงะเงินลงทุนกว่าล้านเยนได้ถูกลงทุนเพื่อก่อสร้างสถานที่อพยพแผ่นดินไหวชั่วคราวในสวนสาธารณะรวมถึงการเก็บอุปกรณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ
วันที่: 11 มีนาคม 2011
จำนวนผู้เสียชีวิต: 15,893 คน
สถานที่: โทโฮคุ ตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น
แผ่นดินไหวโทโฮคุ (ที่รู้จักกันดีว่าเป็นแผ่นดินไหวใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่นและแผ่นดินไหว 3.11) ถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น และถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงอันดับ 4 ของโลก ตั้งแต่มีการจนบันทึกด้วยวิธีที่ทันสมัยที่เริ่มใช้ตั้งแต่ต้นปี 1900 พลังงานของมันมากพอที่ทำให้เกาะฮอนชู (เกาะหลักของญี่ปุ่น) เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออก 2.4 เมตร และพลังงานเหล่านี้มากพอที่จะขยับแกนโลกออกไป 4-10 นิ้ว หลายคนคงจะเดาถูกแล้วใช่มั้ย เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานนี้เอง
ฟอร์ช็อก (Fore Shock) หรือ แผ่นดินไหวนำ ได้เกิดขึ้นในวันเดียวกันก่อนการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ รวมไปถึงการสั่นสะเทือนขนาด 7.2 แมกนิจูดในช่วงสองวันก่อนหน้า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นถูกบันทึกไว้ที่ขนาด 9.0 แมกนิจูด ยาวนานประมาณ 6 นาที เมืองที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางมากที่สุด คือ เซนได ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 81 ไมล์ แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นนี้อยู่ห่างจากโตเกียว 232 ไมล์ หากมีการควบคุมปริมาณพลังงานแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวโทโฮคุ จะสามารถใช้พลังงานจำนวนนี้ในเมืองลอสแอนเจลิสได้ถึงหนึ่งปี
นอกจากนี้ สึนามิถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ซึ่งส่งผลให้เกิดแกนปฏิกรณ์บางส่วนจำนวน 3 เครื่องหลอมละลายและมีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี
ในแง่ของการเสียชีวิต แผ่นดินไหวโทโฮกุถือเป็นภัยพิบัติธรรมชาติอันดับสามของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ในปี 2015 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ญี่ปุ่น) ยืนยันว่าภัยพิบัติในครั้งนี้ พบผู้เสียชีวิตมากกว่า 15,000 คน, ผู้บาดเจ็บมากกว่า 6,000 คน และผู้สูญหายมากกว่า 2,500 คน ภายหลังเหตุการณ์นี้ มีข้อมูลระบุจำนวนผู้เสียหายกว่า 90% เสียชีวิตจากการจมน้ำในสึนามิตามมาด้วยจากเหตุแผ่นดินไหว ผู้เสียหายกว่า 65% อายุมากกว่า 60 ปี และผู้เสียหายกว่า 24% อายุมากกว่า 70 ปี ข้อมูลในปี 2012 มีผู้สูญหายกว่า 70% อายุมากกว่า 60 ปี และผู้สูญหายอีกนับร้อยที่มีอายุช่วง 70-80 ปี
นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตกว่า 400 คนเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาและประถมศึกษา โดยมีผู้สูญหายกว่า 150 คนหลังเกิดภัยพิบัติครั้งนี้ หลายครอบครัวต้องพลัดพรากจากกันในช่วงเหตุการณ์นี้ เพราะเกิดขึ้นช่วงเวลาที่เด็ก ๆ อยู่ในโรงเรียน โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในอิชิโนะมากิสูญเสียนักเรียนไปกว่า 70% ชาวต่างชาติจำนวน 19 คนเสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้ รวมถึงอาจารย์ 2 คนในโครงการ JET (Japan Exchange and Teaching Programme) จากสหรัฐอเมริกาและมิชชันนารีจากแคนาดา
ในขณะที่ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวันในญี่ปุ่น แต่ก็ถือว่าเกิดขึ้นบ่อยพอที่ทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันในญี่ปุ่น มาตรการป้องกันต่าง ๆ สามารถพบเห็นได้ทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบของศูนย์อพยพและข้อมูลทั่วไป เด็กนักเรียนในญี่ปุ่นได้เรียนรู้ว่าควรทำอะไรเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวระหว่างทาง และสำหรับชาวต่างชาติที่กำลังวางแผนเดินทางไปญี่ปุ่น การเรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหวควรเป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง!