หลายคนอาจจะนึกภาพไม่ออกว่า การท่องเที่ยวและมหาวิทยาลัยจะมาเกี่ยวข้องกันได้ยังไง? แต่จริง ๆ แล้ว สถานที่ที่มีภาพลักษณ์เกี่ยวกับวิชาการ คือ หนึ่งในที่ที่ดีที่สุดสำหรับการสัมผัสประสบการณ์อันแสนสนุกสนานใของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในโตเกียวหลายแห่งนั้นมีทั้งพิพิธภัณฑ์, สถาปัตยกรรม และสวนธรรมชาติที่น่าสนใจ ซึ่งหลาย ๆ คน อาจจะเผลอมองข้ามไป
วันนี้เรามาสำรวจขุมทรัพย์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังของกรุงโตเกียวกันว่ามีสิ่งดี ๆ อะไรบ้างที่รอการมาเยือนจากทุกคน?
At Waseda University Now to Talk about The AP & Journalism at a class taught by former AP colleague .@hansgreimel pic.twitter.com/ZcnYr9QjE8
— Yuri Kageyama (@yurikageyama) May 16, 2016
มหาวิทยาลัยวาเซดะขึ้นชื่อในเรื่องของรักบี้, การเมือง และวัฒนธรรม หนึ่งในมหาวิทยาลัยเอกชนคลาสสิกของกรุงโตเกียว มีสีดำและสีแดงเข้มที่เป็นเอกลักษณ์ปรากฏอยู่ในสนามกีฬาหลายแห่ง มีศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเป็นทั้งนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรี, ข้าราชการ, ศิลปิน และนักธุรกิจชั้นนำ
วิทยาเขตที่โดดเด่นของวาเซดะ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในโตเกียว วาเซดะยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมของวิทยาเขตเอาไว้ด้วยการผสมผสานพิพิธภัณฑ์, สถาปัตยกรรมแบบโกธิคและความเขียวขจีของต้นไม้อันน่ารื่นรมย์ มหาวิทยาลัยยังมีโบสถ์ของตัวเองและร้านกาแฟสไตล์ยุโรปหลายแห่งทั้งในมหาวิทยาลัยและรอบ ๆ หากมีโอกาสลองมาเข้าร่วมการแข่งขันรักบี้ ฟุตบอล หรือเบสบอลของทางวาเซดะ และสัมผัสบรรยากาศการร้องเพลง “miyako no sei hoku”! ที่สุดยอดมาก ๆ
วิทยาเขตของวาเซดะมีไฮไลท์มากมาย หนึ่งในนั้น คือ สวนโอคุมะ ตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์วาเซดะ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูล Matsudaira ในปี 1884 ชิเงะโนบุ โอคุมะ (Shigenobu Ōkuma) เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยวาเซดะ เขาได้ออกแบบสวนและบริจาคให้กับมหาวิทยาลัย สวนแห่งนี้ได้รับการบำรุงรักษาอย่างอย่างดี แม้จะถูกใช้งานโดยเหล่านักศึกษาโดยนักเรียน สวนแห่งนี้มีเส้นทางที่มีรูปปั้น นอกจากนี้ยังมีระฆังประดับสไตล์เกาหลีท่แสนน่ารักอีกด้วย
Felt like #summer today#waseda_university in #tokyo #shinjuku #japan #okumagarden #green #japanesegarden #feelslikesummer https://t.co/csmtDBqp2H pic.twitter.com/9EFKpnPRG2
— 早稲田大学 (@waseda_univ) May 14, 2018
ภายในวิทยาเขตของวาเซดะมีพิพิธภัณฑ์ 3 แห่งที่น่าสนใจ ที่แรกคือ History for Tomorrow สร้างขึ้นเพื่อตัวมหาวิทยาลัยเอง สำหรับศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในด้านกีฬาและมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น มีป้ายเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ รูปแบบของอาคารยังเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมที่ดีเยี่ยม และใกล้ ๆ นี้ก็มี พิพิธภัณฑ์ไอซุ (Aizu Museum) ที่มีวัตถุทางโบราณคดีและสิ่งประดิษฐ์มากมาย
ผลงานส่วนใหญ่ได้รับการบริจาคจากนายแพทย์ไอซุ ยาอิจิ (Aizu Yaichi) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปั้นหม้อและนักวิจัยของวาเซดะ สำหรับพิพิธภัณฑ์สุดท้าย คือ Tsubouchi Memorial Theatre เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ได้รับการตั้งชื่อตามนักเขียนและอาจารย์ที่มีชื่อว่า ซึโบชิ โชโย (Tsubouchi Shōyō) มีจัดแสดงงานแปลผลงานของ William Shakespeare ครั้งแรก รวมถึงมีการจัดแสดงจากคาบูกิดั้งเดิมและการผลิตสมัยใหม่ น่าเสียดายที่ป้ายส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นภาษาญี่ปุ่น
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยวาเซดะ (Waseda University) *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
【定期演奏会まであと26日!】
・五月祭演奏会
本郷キャンパスで行われる東大の学祭『五月祭』。
普段は中に入ることのできない安田講堂をお借りし演奏会を行います!新入生にとっては本演奏会がブラアカでの初舞台です!
今年度は1000人を超えるお客様にご来場頂くことが出来ました✨#ブラアカの一年 pic.twitter.com/6eeEaYe7sl— 東京大学ブラスアカデミー (@brassacademy) January 16, 2019
เป็นอีกมหาวิทยาลัยที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย “โทได” หรือ มหาวิทยาลัยโตเกียว มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นที่นักเรียนมัธยมปลายหลายคนใฝ่ฝัน ถ้าบอกใครว่าจบจากโทไดในประเทศญี่ปุ่น ทุกคนมักจะชื่นชมว่าเป็นคนที่สุดยอด! ประมาณเดียวกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในบ้านเรา มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีประวัติศาสตร์และวิทยาเขตที่น่าประทับใจ ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลเมจิในปี 1877 เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยของจักรวรรดิที่สำคัญของญี่ปุ่น
วิทยาเขตฮองโก มีขนาดใหญ่พร้อมด้วยสวนสาธารณะที่สวยงาม อาคารแบบดั้งเดิม ห้องโถงที่ซ่อนตัวอยู่ และบรรยากาศแบบมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยโตเกียวเคยเป็นศูนย์กลางของการจลาจลเมื่อปี 1968/9 เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์เซงกากุเรน (Zengakuren) ได้ต่อสู้กับตำรวจในฐานทัพทหารสหรัฐฯ การจลาจลครั้งนั้นนำไปสู่การเสียชีวิตและจุดประกายการประท้วงแบบเดียวกันไปทั่วโตเกียว
วิทยาเขตฮองโก ตั้งอยู่บนที่ดินเดิมของตระกูลมาเอดะ และสามารถเข้าถึงได้ด้วยรถไฟใต้ดินหรือเดินได้ไม่ไกลจากสวนอุเอโนะ หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของมหาวิทยาลัย คือ บ่อน้ำซันชิโระ บ่อน่ารักที่มีปลาและเต่า ล้อมรอบด้วยป่าขนาดเล็ก ๆ ชื่อของบ่อน้ำมาจากนวนิยาย Sanshiro โดยโซเซกิ นัตสึเมะ (Soseki Natsume) ซึ่งเป็นฉากสำคัญของนวนิยายเรื่องนี้ มหาวิทยาลัยมีพื้นที่ธรรมชาติที่น่ารักอื่น ๆ เช่น สนามหญ้าให้เพลิดเพลิน มีรูปปั้นของผู้ก่อตั้งที่น่าชื่นชม ห้องโถง และโบสถ์ที่สวยงาม
本郷キャンパス、黄色い絨毯 pic.twitter.com/ymO8Bd6UKr
— カワカミタクロウ (@Kawakami_q) December 4, 2018
มหาวิทยาลัยโตเกียวมีพิพิธภัณฑ์ 2 แห่ง แห่งแรกตั้งอยู่ในวิทยาเขตฮองโกใกล้กับประตู Akamon สีแดงอันงดงามในปี 1827 ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยโตเกียว พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยโตเกียวมีของสะสมมากกว่า 3 ล้านชิ้น ทำให้เป็นมหาวิทยาลัยที่มีของสะสมมากที่สุดในญี่ปุ่น น่าเสียดายที่รูปแบบของพิพิธภัณฑ์คล้ายกับศูนย์วิจัยมากกว่า มีป้ายเป็นภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจ คือ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้ชมสามารถเห็นการทำงานผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ได้
พิพิธภัณฑ์แห่งที่สองของมหาวิทยาลัยโตเกียว ตั้งอยู่ในอาคาร Kitte ใกล้กับสถานีโตเกียว โครงสร้างสองชั้นที่น่าทึ่งนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจของตัวพิพิธภัณฑ์ และถิอว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ ‘สาธารณะ’ หลักของมหาวิทยาลัยและมีการแสดงป้ายต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้บริการในปี 2013 และได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยมุ่งเน้นไปที่ประวัติศาสตร์ของธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของเมืองโตเกียว
ในส่วนประวัติศาสตร์ธรรมชาติ มีโครงกระดูกกระดูก แผนที่ และหนังสือพฤกษศาสตร์ที่วาดขึ้นมาอย่างประณีต ส่วนด้านประวัติศาสตร์โตเกียว ก็ให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าของโตเกียวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัยโตเกียว รวมถึงงานเขียนและภาพถ่ายดั้งเดิมของพวกเขา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมรดกทางวัฒนธรรมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยโตเกียว
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยโตเกียว (Tokyo University) *เฉพาะภาษาอังกฤษ
慶應義塾大学神田神保町明治大学キャンパスにお邪魔した pic.twitter.com/lFiz77c0IV
— 🏎シューマッハ🏎 (@bz_shuma) October 5, 2018
มหาวิทยาลัยเมจิ วิทยาเขตโอชาโนะมิซุ ท่ามกลางบรรยากาศแบบดั้งเดิมก็แฝงไว้ด้วยความทันสมัยและมีเขตของพิพิธภัณฑ์ที่แบ่งออกเป็นสองส่วน
ส่วนแรกเป็นประวัติศาสตร์ของทางมหาวิทยาลัย มีโมเดลของวิทยาเขตและภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์
ส่วนที่สองได้แบ่งออกเป็นสามส่วนย่อยอีกที อันแรกเป็น งานเครื่องปั้นดินเผาและสิ่งทอ อันที่สองเน้นไปที่โบราณวัตถุย้อนไปถึงสมัยโจมง และอันสุดท้ายแสดง เรื่องเกี่ยวกับอาชญากรรมและการลงโทษในช่วงรัฐบาลโทคุงาวะ รวมถึงรูปแบบเครื่องแขวนคอและอุปกรณ์ทรมานนักโทษต่าง ๆ
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเมจิ (Meiji University) *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
学部・専攻科・別科入学式は明日グランドプリンスホテル新高輪「飛天」で挙行されます。学部により開始時間が異なりますのでご注意ください。父母席は数に限りがあります。あらかじめご了承ください。https://t.co/Qzt1q4uwiC pic.twitter.com/yJ4hsXLX9k
— 國學院大學 (@kokugakuin_univ) April 1, 2016
ตั้งอยู่ใจกลางความทันสมัยระหว่างชิบูย่าและเอบิสึ เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับศาลเจ้าอิเสะ จิงกู (Ise Jingu) มีพิพิธภัณฑ์ที่ผสมผสานหลักปรัชญาสามอย่างของโคคุกักคุอินในเรื่องของการรับรู้ภายในธรรมชาติและผู้คน
พื้นที่ทางโบราณคดียังมีสิ่งประดิษฐ์จากยุคโบราณของประเทศญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่มาจากสมัยโจมง เป็นงานเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องทองแดง ส่วนของพื้นที่ชินโตมีการจัดแสดงที่หลากหลาย รวมถึงรูปแบบของประเพณีชินโตมีวิดีโอในภาษาอังกฤษ มีศูนย์กลางอยู่ที่ศาลเจ้าสำคัญในญี่ปุ่นและข้อมูลเกี่ยวกับเทศกาลและเทพเจ้า และในส่วนของพื้นที่สุดท้ายอุทิศให้กับประวัติศาสตร์ของโคคุกักคุอิน
การจัดแสดงส่วนใหญ่จะเป็นภาษาญี่ปุ่น มีภาพถ่ายของอาจารย์ผู้ก่อตั้ง จดหมายฉบับจริงที่เขียนโดยเจ้าชายอาริสุกาวะ ทาเคฮิโตะ (Prince Arisugawa Takehito) มีบทสรุปหลักการก่อตั้งของมหาวิทยาลัยและงานวิจัยทางวิชาการที่สำคัญอื่น ๆ
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยโคคุกักคุอิน (Kokugakuin University) *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
มหาวิทยาลัยในโตเกียวนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจให้คุณได้ค้นพบอย่างไม่รู้จบ แม้อาจจะไม่ได้อยู่ในเป้าหมายหลักของการท่องเที่ยว แต่ก็มีความน่าหลงใหลทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มากมาย และยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พูดคุยกับชาวญี่ปุ่น ซึ่งพวกเขามีความกระตือรือร้นในการฝึกฝนภาษาอังกฤษกับคนชาวต่างชาติมาก ๆ ดังนั้น หากใครต้องการหาประสบการณ์ใหม่ ๆ แล้วล่ะก็ ลองแวะมาเดินเล่นในมหาวิทยาลัยทั้งสามแห่งที่เราแนะนำไปนะคะ!