ประเทศญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางในฝันที่ดึงดูดผู้คนทุกเพศและทุกวัย รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนภายในปี 2020 และ 60 ล้านคนภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม ได้เกิดปัญหาตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างเช่น มีการสื่อสารที่ผิดพลาด หรือ พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่สร้างความอึดอัดและ ปัญหาให้คนในพื้นที่ ซึ่งเราอาจจะเคยได้ยินกันมามากมายแล้ว แต่วันนี้อีกสิ่งหนึ่งที่เราอยากจะพูดถึงก็คือ ความรู้สึกของชาวต่างชาติที่มาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น!
ประเทศญี่ปุ่นเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย สะอาด และมีสุดยอดความบันเทิงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งข้อดีต่าง ๆ นี้สามารถเอาชนะด้านลบต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวได้แบ่งปันประสบการณ์เชิงลบบางอย่างด้วยความหวังว่าให้รัฐบาลปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
นักท่องเที่ยวต่างก็ประหลาดใจกับข้อเท็จจริงเหล่านี้ เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สะอาดมาก แต่กลับหาถังขยะยาก! เรียกได้ว่าการเจอถังขยะตามที่สาธารณะนั้นเหมือนถูกล็อตเตอรี่เลย อันที่จริงแล้วเราสามารถหาถังขยะได้ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น สถานีรถไฟและร้านสะดวกซื้อ คนญี่ปุ่นจะนำขยะชิ้นเล็ก ๆ กลับไปทิ้งที่บ้านของตัวเองในบ้างครั้ง ซึ่งมันอาจดูเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและยุ่งยากโดยเฉพาะการที่ต้องคำนึงเรื่องการแยกประเภทขยะต่าง ๆ เช่น เศษอาหาร ถ้วยเครื่องดื่มต่าง ๆ เอาไว้ในเวลาที่ยังไม่เจอถังขยะ
ข้อแนะนำ: ลองเช็คถังขยะที่สถานีรถไฟและร้านสะดวกซื้อ พกถุงพลาสติกใบใหญ่สำหรับใส่ขยะ นอกจากนี้ ใกล้ ๆ กับตู้กดน้ำจะมีถังขยะวางอยู่ข้าง ๆ
ลองอ่าน คู่มือการแยกขยะในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์มาก ๆ โดยเฉพาะถ้าต้องอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น
อย่างที่เรารู้กันดีว่าญี่ปุ่นมีประชากรหนาแน่นและพื้นที่ว่างนั้นมีมูลค่าสูงมาก ๆ ดังนั้น อาจส่งผลให้ม้านั่งตามพื้นที่สาธารณะก็น้อยลงไปด้วย เช่นเดียวกันกับถังขยะที่หายาก เราสามารถพบม้านั่งได้ตามสวนสาธารณะบางแห่งหรือเขตที่อยู่อาศัยอื่น ๆ แต่ในพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมจะหาได้ยาก สำหรับนักท่องเที่ยวแล้วการได้นั่งพักเพื่อกินของว่างหรือพักผ่อนเท้าจากการท่องเที่ยวมาทั้งวันนั้นสำคัญมาก ซึ่งความแออัดของทางเท้าและผู้คนที่เดินกันอย่างแออัด อาจสร้างประสบการณ์ที่แย่ ๆ กับนักท่องเที่ยวที่แสนเหนื่อยล้าได้
View this post on Instagram
ข้อแนะนำ: ยอมแพ้ในการหาม้านั่งในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านและลองหาสวนสาธารณะในบริเวณใกล้ ๆ ซึ่งในโตเกียวมีพื้นที่สีเขียวอยู่มากมาย
View this post on Instagram
ในปัจจุบันหลายประเทศรณรงค์การงดใช้พลาสติก เพราะเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้เกิดมลภาวะเปนพิษ ทำลายสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ สามารถส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อมนุษยชาติได้ในอนาคต ประเทศญี่ปุ่นมีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกมากเป็นอันดับสองของโลก มีการใช้งานพลาสติกแบบไม่มีความจำเป็นและสิ้นเปลืองค่อนข้างมาก ผักและผลไม้บางชนิดที่มีเปลือก เช่น กล้วยและหัวหอมก็ยังมีการห่อด้วยพลาสติกในทุกชิ้น ๆ
ในวันที่ฝนตกเมื่อห้างสรรพสินค้าเกือบทุกแห่งที่คุณเดินเข้ามาเรียกร้องให้คุณห่อร่มพลาสติกและโยนพลาสติกนั้นเมื่อคุณออกไป มีหลายสถานที่ที่จะให้ถุงกระดาษ แต่ห่อด้วยพลาสติกเพิ่มเติมถ้าฝนตก
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวหลายคนยังพบว่าไม่มีตู้ดื่มน้ำแบบน้ำพุในที่สาธารณะ ทำให้ต้องซื้อขวดน้ำพลาสติก รวมถึงอุปสรรคทางภาษาทำให้ไม่สามารถสื่อสารกับพนักงานขายได้ในกรณีที่ไม่ต้องการรับถุงพลาสติก และร้านกาแฟก็ยังไม่มีนโยบายให้นำแก้วของตัวเองมาเติม
ข้อแนะนำ: ให้พกถุงผ้าติดตัวและถ้วยน้ำหรือกระบอกน้ำติดตัว รวมถึงพกโน้ตสั้น ๆ และจำคำศัพท์เวลาจ่ายเงินที่แคชเชียร์ให้พูดว่า “ふくろ いらないです/ Fukuro iranai desu” แปลว่า ไม่ต้องการถุงพลาสติก
นักปั่นจักรยานในประเทศญี่ปุ่นมีอยู่มากมาย พวกเขามักจะพยายามขี่จักรยานอยู่ด้านหลังของคนที่เดินอยู่บนทางเท้า รวมถึงข้ามทางม้าลายไปพร้อม ๆ กับผู้คน และอาจชนเข้ากับคนได้เช่นกัน นักปั่นจักรยานส่วนใหญ่ไม่ได้กดกริ่งเพื่อเตือนผู้คนที่สัญจรไปมา ชอบมาแบบเงียบ ๆ เหมือนนินจา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกไม่ปลอดภัยในเวลาที่เดินอยู่บนทางเท้า หรือแม้กระทั่งทำให้สับสนว่าพวกเขาไปเดินอยู่ในเลนจักรยานรึเปล่า? อย่างไรก็ตาม ปรากฎว่าเลนของรถจักรยานนั้นมีการทำเครื่องหมายติดกับเลนรถและการขี่จักรยานบนทางเท้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย! แต่หลายคนก็ยังคงปั่นจักรยานบนทางเท้าเพราะสะดวกกว่าและก็ไม่ได้มีการถูกห้ามปรามหรือถูกปรับ
ข้อแนะนำ: ควรระมัดระวังเวลาเดินบนทางเท้า (ซึ่งไม่ใช่ทางปั่นจักยาน) แต่ก็จะมีจักรยานมาร่วมใช้ทางเดินด้วย โดยเฉพาะในบริเวณนอกเมืองและเขตที่อยู่อาศัยจะยิ่งพบกับรถจักรยานที่มาปั่นบนทางเท้ามากมาย
การใช้งานเครดิตและเดบิตการ์ดสำหรับการจ่ายเงินออนไลน์และซื้อสินค้าต่าง ๆ ในร้านค้าเป็นที่นิยมสำหรับยุคนี้ แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศญี่ปุ่นที่นิยมการจ่ายด้วยเงินสดและเหรียญอยู่มากมายในหลาย ๆ ที่ นักท่องเที่ยวหลายคนรู้สึกแปลกใจที่หลายร้านไม่รับการ์ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่เจริญก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี แต่การจ่ายเงินยังคงล้าหลังอยู่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวอาจไม่ได้เตรียมใจรับมือกับเรื่องนี้ หลายคนก็รู้สึกเคอะเขินในสถานการณ์ดังกล่าว หรือการค้นหาตู้ ATM ที่บางตู้ก็ไม่รับบัตรของคุณ รวมถึงตู้ ATM บางตู้ปิดใช้งานในเวลากลางคืน หรือไม่กี่ชั่วโมงหลังเวลาทำการของธนาคาร
รวมถึงการมีห้องน้ำสุดไฮเทค แต่ยังคงนิยมการใช้ระบบ FAX (เช่น เวลาดาราจะแจ้งข่าวเรื่องส่วนตัวก็ใช้วิธีส่ง FAX ไปตามสื่อต่าง ๆ ) จะเห็นได้ว่า ประเทศญี่ปุ่นเหมือนจะมีความขัดแย้งในตัวสำหรับเรื่องของเทคโนโลยีซ่อนอยู่ ซึ่งนี่ก็ทำให้หลายคนเซอร์ไพรส์ได้ไม่น้อย
ข้อแนะนำ: หากใครอยากกด ATM ในร้านสะดวกซื้อก็มี ATM ให้บริการ 24 ชั่วโมง ที่ต้อนรับทุกบัตรและมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยสำหรับบัตรเครดิตและเดบิตจากต่างประเทศ
ใส่เงินสดเพิ่มในบัตร IC รถไฟ (SUICA, PASMO) และสามารถใช้ชำระเงินได้ในร้านค้าต่าง ๆ รวมถึงแท็กซี่ นอกจากนี้ ยังเป็นการหลีกเลี่ยงการแตกแบงก์และต้องถือเหรียญย่อยมากมาย!
ท้ายสุดคือ สถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นกำลังค่อย ๆ พัฒนา เพื่อเปลี่ยนแปลงให้เป็นระบบไร้เงินสด ดังนั้น ครั้งหน้าลองใช้การ์ดดูอีกครั้ง!
View this post on Instagram
ในยุคสมัยที่การมีรอยสักเป็นแฟชั่นที่แม้แต่รุ่นคุณยายยังนิยม แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ในประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่มีรอยสักแม้แต่อันเล็ก ๆ ที่เป็นลายดอกไม้ ผีเสื้อ หัวใจ หรือลวดลาย ต่างรู้สึกแปลกใจที่โดนมองเหมือนเป็นอาชญากรในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์บางอย่างของประเทศนี้ที่รอยสักเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของอาชญากร มาเฟีย หรือ ยากูซ่า อันที่จริงแล้วในประเทศอื่น ๆ ของโลกก็มองว่ารอยสักมีความเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มโจรเช่นกัน แต่ทุกวันนี้ได้กลายเป็นแฟชั่นและศิลปะบนเรือนร่างที่ไม่ได้ดูเป็นพิษเป็นภัยใด ๆ แบบในอดีต
Onsen pro tip: Onsen first, then bar, then tattoo parlor, then run with your tie on your head. Change the order and no onsen for you. pic.twitter.com/08ovhO4NfS
— Bill Graham (@billgraham) April 9, 2018
ในประเทศญี่ปุ่น แม้จะมีข้อเสนอแนะของรัฐบาลญี่ปุ่นที่จะทำให้กฎระเบียบต่าง ๆ ง่ายขึ้น แต่คนที่มีรอยสักจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้บริการออนเซ็น ยิม สระว่ายน้ำ และบางสถานที่ตามชายหาด บางที่ก็อนุญาตโดยให้หาอะไรมาปิดรอยสักเอาไว้ในกรณีที่เป็นรอยเล็ก ๆ แต่ส่วนใหญ่ก็มักไม่อนุญาตให้เข้า และถ้าตรวจพบก็จะต้องออกไปจากออนเซ็น สำหรับผู้ที่มีรอยสักก็มักจะถูกจ้องมองในที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้สูงอายุ แต่ก็ไม่ต้องกังวลใด ๆ เพราะพวกเขาก็จะไม่มารบกวนอะไรคุณ
ข้อแนะนำ: สิ่งต่าง ๆ กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีและผู้คนก็เปิดใจมากขึ้น มีออนเซ็นบางแห่งที่เปิดให้บริการกับผู้ที่มีรอยสักโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท นอกจากนี้ คุณยังมีตัวเลือกในบางโรงแรมเพื่อจองเวลาส่วนตัวในการแช่ออนเซ็นหรือห้องที่มีอ่างออนเซ็นรวมอยู่ด้วย
หรือ ลองแช่เซ็นโต (ห้องอาบน้ำสาธารณะของญี่ปุ่น) เนื่องจากผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจอะไรกับคนที่มีรอยสัก ถึงแม้ว่าอาจจะไม่สนุกสนานเท่าการแช่ออนเซ็น แต่รับรองว่าคุณจะได้รับประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่คุ้มค่าแน่นอน
รถไฟของประเทศญี่ปุ่นได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็น ความตรงต่อเวลา, ปลอดภัย, รวดเร็ว และสะดวกสบาย นักท่องเที่ยวต่างก็หลงรักการเดินทางด้วยรถไฟ ยกเว้นแต่ในช่วงเวลาเร่งด่วนที่เป็นเหมือนฝันร้ายของทุกคน รถไฟจะแน่นเหมือนปลากระป๋องในช่วงเช้าและช่วงเย็น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยผลักผู้คนให้เข้าไปอยู่ในรถไฟ เหมือนในคลิปด้านล่างนี้:
และสิ่งที่แย่คือ ในช่วงเวลาเร่งรีบที่ทุกคนต้องรีบไปทำงานหรือกลับบ้านนั้น ผู้คนก็จะลืมในเรื่องของการรักษามารยาทไปเลย ผู้คนที่ปกติอาจจะดีและเข้าแถวอย่างระมัดระวังก็ผลักกันอย่างรุนแรงก้มก้าวข้ามคน แน่นอนว่าสิ่งนี้คงสร้างความเอือมระอาให้กับนักท่องเที่ยว
อีกสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับนักท่องเที่ยวก็คือ ที่นั่งสำหรับผู้สูงอายุ, สตรีมีครรภ์, คนป่วย มีผู้โดยสารที่ไม่ใช่คนในกลุ่มนี้มานั่ง คนที่จำเป็นต้องใช้บริการที่นั่งเหล่านี้จะมีป้ายห้อยอยู่ และบางครั้งก็จะมีการประกาศเตือนให้เว้นที่นั่งสำหรับคนกลุ่มพิเศษ แต่ความแออัดและความเหนื่อยล้าจากงานก็คงไม่มีใครอยู่ในโหมดที่จะสละที่นั่งให้คนอื่น
เป็นสิ่งที่อาจจะต้องทำใจนิดหน่อย ถ้าหวังจะให้ใครสละที่นั่งให้คุณ และถ้าอยากจะสละที่นั่งให้ใคร ก็แค่ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังตู้อื่น เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดที่ต้องนั่งแทนคุณ เพราะสังคมญี่ปุ่นเน้นให้เข้มแข็งและช่วยเหลือตัวเองได้ ดังนั้น แม้แต่ผู้สูงอายุเองก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเหมือนโดนมองว่าอายุมากและดูแลตัวเองไม่ได้ (ผู้สูงอายุในญี่ปุ่นนัั้นแข็งแรงมากและเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง)
ข้อแนะนำ: พยายามหลีกเลี่ยงการขึ้นรถไฟในช่วงก่อน 10:00 น. รวมถึงในช่วงเย็นและค่ำหลังเลิกงานก็แน่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้ารถไฟแน่นก็ให้รอคันต่อไป (ถ้่าไม่รีบ) เพราะคุณจะได้เข้าไปเป็นคนแรก ๆ และอาจหาที่นั่งได้ เมื่อเข้าไปในรถไฟแล้วให้เดินเข้าไปบริเวณตรงกลางของที่นั่ง เพราะบริเวณใกล้ประตูนั้นจะเบียดกันแน่นมาก ๆ
ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสามารถทางภาษาอังกฤษค่อนข้างต่ำ รวมกับความเขินอายในการพูดภาษาอังกฤษแม้กระทั่งคำที่พวกเขารู้ดีอยู่แล้ว ส่งผลให้สถานการณ์ยิ่งอึดอัด ในสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งให้บริการแผ่นพับฟรีและแผนที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารในเขตเมืองส่วนใหญ่มีเมนูภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตามหากคุณมีคำขอพิเศษในเรื่องของอาหารหรืออาการแพ้ก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ
แน่นอนว่านักท่องเที่ยวอาจต้องเรียนรู้คำศัพท์ง่าย ๆ ในภาษาญี่ปุ่น หรืออย่างน้อยถ้าสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ก็อาจจะช่วยได้ในกรณีที่คุณเจอคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี
ข้อแนะนำ: ใช้ app แปลภาษา หรืออุปกรณ์ในการช่วยแปล ซึ่งปัจจุบันก็มีเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถพูดภาษาของเราและแปลออกมาเป็นภาษาอื่น ๆ ได้ เรียนรู้วลีสองสามคำในภาษาญี่ปุ่น เพื่อขอตัวช่วยพนักงานที่พูดอังกฤษได้ Eigo dekimasu ka? หรือ Eigo hanaseru hito imasu ka พูดภาษาอังกฤษได้มั้ย หรือ มีคนที่พูดภาษาอังกฤษได้อยู่รึเปล่า และอีกวิธีก็คือ จ้างไกด์หรือไปทัวร์ในวันแรกของคุณ – พวกเขาจะสอนคุณเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารและจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสิ่งต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น
นี่อาจจะเป็นประเด็นที่ไม่ได้ถูกสังเกตโดยทั่วไป โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่ก็กำลังเพลิดเพลินไปในทุก ๆ วัน จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ถือว่าเป็นปัญหาอะไรนัก เพราะคงไม่ใช่ทุกคนที่จะโดนกับตัวเองโดยตรง ซึ่งปัญหาดังกล่าวก็คือ ผู้หญิงได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียบกับผู้ชาย ซึ่งจะสังเกตได้เมื่อเดินทางกับผู้ชาย ในบางครั้งพนักงานในโรงแรมหรือร้านอาหารจะให้ความสำคัญกับลูกค้าผู้ชายมากกว่า (ย้ำว่าไม่เสมอไป) สิ่งนี้ถือเป็นแนวทางปฏิบัติแบบโบราณที่ยังมีอยู่สำหรับในบางคนเท่านั้น และสิ่งที่ทำให้ชาวต่างชาติหลายคนแปลกใจก็เพราะแม้ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เรื่องการปฏิบัติแบบไม่เท่าเทียบระหว่างชายกับหญิงกลับยังคงมีอยู่ในสังคม
ข้อแนะนำ: นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยทั่วไป หรือถึงจะเกิดขึ้นก็ไม่ได้รุนแรงหรือน่ากลัวแต่อย่างใด และคงไม่ได้กระทบนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ เพราะอันที่จริงแล้วการบริการในประเทศญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลก ส่วนใหญ่ผู้คนจะได้รับความประสบการณ์ในด้านบวกมากกว่า
อันสุดท้ายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนค่อนข้างผิดหวังสำหรับปีนี้ คือ ตลาดปลาโทโยสุ ที่ย้ายมาจากตลาดปลาซึกิจิซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ในตอนที่มีการย้ายตลาดปลานั้นก็มีเสียงคัดค้านจากชาวโตเกียวเป็นอย่างมาก อาคารใหม่ได้รับการกล่าวขานว่าถูกสุขลักษณะและเป็นระเบียบมากขึ้น แต่แน่นอนว่ามันต้องสูญเสียเสน่ห์ทั้งหมดที่เคยมี นักท่องเที่ยวจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเล่นในหมู่ผู้ขายและการประมูลปลา แต่สามารถสังเกตได้จากด้านบนผ่านกระจก ตลาดปลาซึกิจินั้นให้ความรู้สึกแบบดั้งเดิมและมีชีวิตชีวามากกว่า และพื้นที่สำหรับการรับประทานอาหารก็ได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และถือเป็นส่วนหนึ่งของการมาเที่ยวโตเกียว คุณสามารถเยี่ยมชมและเดินเล่นไปตามถนนแคบ ๆ และลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นในร้านอาหารแบบดั้งเดิมในร้านขนาดเล็ก
ประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดสำหรับการเดินทาง นักท่องเที่ยวหลงใหลในประสบการณ์ของพวกเขาในประเทศญี่ปุ่นและสิ่งที่พวกเขาไม่ชอบก็เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ผู้คนควรได้รับการเปิดเผยเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาและพยายามแก้ไขหรือป้องกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจและสนุกสนานมากขึ้นสำหรับทุกคน