ในภาษาญี่ปุ่น すみません ”ซึมิมาเซน” แปลว่า “ฉันเสียใจ” หรือ “ขอโทษ” ซึ่งเป็นคำที่เราใช้พูดกันตลอดเวลาในประเทศญี่ปุ่น
ถ้าคุณเคยมาที่ญี่ปุ่น คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมผู้คนที่นี่ต้องขอโทษขอโพยกันตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น ผมเองนั้นพูดว่า “ซึมิมาเซน” มากกว่า 10 ครั้งต่อวัน (ผมไม่ได้โม้นะ) แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่า “ขอโทษ” เสมอไป “ซึมิมาเซน” เป็นคำพูดที่มีประโยชน์ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้
ถ้าคุณได้ยินคำว่า “ซึมิมาเซน” ในญี่ปุ่น และสงสัยว่ามันหมายความว่าอย่างไร นี่คือ สถานการณ์ที่คุณจะสามารถนำคำนี้ไปใช้ได้
ในกรณีนี้ หมายความว่า “ฉันเสียใจ” จริง ๆ
ยกตัวอย่างเช่น คุณควรจะพูดว่า “ซึมิมาเซน” เมื่อคุณทำน้ำหกใส่เสื้อใครสักคนหนึ่งที่ร้านอาหาร
ที่จริงก็มีคำพูดที่ใช้เพื่อขอโทษที่ลึกซึ้งกว่านี้อีกมากมายหลายชนิด นอกเหนือไปจากคำว่า “ซึมิมาเซน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการธุรกิจ แต่เราก็มักพูดว่า “ซึมิมาเซน” กับหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานของเราด้วยเช่นกัน
คนญี่ปุ่นพูดคำนี้ในกรณีที่ต้องการ “ขอโทษ” ด้วยเช่นกัน
เมื่อเราเข้าไปในร้านอาหารและตัดสินใจได้แล้วว่าจะสั่งอะไร เราก็เรียกพนักงานด้วยคำว่า “ซึมิมาเซน”
ถ้าเราต้องคุยกับเพื่อนร่วมงานของเราที่กำลังดูยุ่งมากในเวลานั้น ก่อนอื่นเลย เราต้องพูดคำว่า “ซึมิมาเซน” เพื่อดูว่าจะโอเคไหมที่เราจะคุยกับเขาหรือเธอในเวลานั้น “ซึมิมาเซน” ในกรณีนี้ยังมีความหมายแฝงว่า “ขอโทษที่รบกวน” ด้วยเช่นกัน
อาจจะฟังดูแปลก ๆ ไปหน่อย แต่เราใช้คำว่า “ซึมิมาเซน” แทนคำว่า “ขอบคุณมาก” เหมือนกัน
ถ้าคุณลองแปลเป็นภาษาไทย มันจะมีความหมายแบบนี้:
A “นี่ของคุณครับ”
B “ขอบคุณมากค่ะ ยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ”
มันอาจจะฟังดูแปลก แต่นี่เป็นวิธีพูดแบบธรรมชาติของภาษาญี่ปุ่น และใช้เมื่อมีใครทำสิ่งดี ๆ ให้คุณ
และ “ซึมิมาเซน” ในบทสนทนาลักษณะนี้ก็มีความหมายแฝงที่ไม่ใช่ทั้งข้อ 1 และข้อ 2 ตามที่กล่าวมาแล้ว แต่มีความหมายว่า “ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียเวลาทำสิ่งนี้ให้ฉัน”
อีกตัวอย่างหนึ่ง ถ้าคุณรู้สึกไม่ค่อยดีบนรถไฟ และมีคนสละที่นั่งให้กับคุณ คุณสามารถใช้คำว่า “ขอบคุณมากค่ะ/ครับ” ได้ แต่มันจะฟังดูดีกว่าถ้าคุณพูดว่า “ซึมิมาเซน” ด้วย
ฉันเสียใจ ขอโทษ และขอบคุณ… “ซึมิมาเซน” ถูกใช้ในหลาย ๆ สถานการณ์ มันเป็นคำกลาง ๆ ที่ไม่ได้ฟังดูเป็นกันเองจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้สุภาพขนาดนั้น ดังนั้น “ซึมิมาเซน” จึงเป็นหนึ่งในคำที่มีประโยชน์มากในภาษาญี่ปุ่น
ถ้าคุณได้ยินคนพูดระหว่างที่คุณอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ลองคิดตามดูก็ได้ว่าในสถานการณ์นั้น “ซึมิมาเซน” ได้ถูกใช้เพื่อต้องการสื่อความหมายอะไร!