เมืองมัตสึยามะ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเอฮิเมะ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะชิโกกุ มีทั้งปราสาทโบราณ ออนเซ็นที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และวัดที่สวยงาม เมืองแห่งนี้รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ทางวรรณกรรมและนักเขียนคนสำคัญของญี่ปุ่นจำนวนมากที่เขียนถึงเมืองนี้และเคยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองแห่งนี้อย่าง นัตสึเมะ โซเซกิ (Natsume Soseki) นักเขียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก นอกจากนี้ ยังมีสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในเมืองแห่งนี้ที่แสดงถึงความเคารพต่อนักเขียนผู้นี้
มัตสึยามะอาจจะมีขนาดเล็กกว่าเมืองอย่างโตเกียวหรือโอซาก้าก็จริง แต่ก็เป็นเมืองที่มีมนตร์เสน่ห์ควรค่าแก่การเดินทางมาเยือนด้วยเช่นกัน และนี่คือ สิ่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจ 15 อย่างที่ไม่ควรพลาดในมัตสึมายะ!
มัตสึยามะมีวัดที่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางจาริกแสวงบุญแห่งชิโกกุอยู่ 8 วัด ซึ่ง วัดอิชิเตจิ (Ishite-ji Temple) คือ วัดที่ดังที่สุด ด้วยลักษณะที่พิเศษและไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะรูปแบบของประติมากรรมในทางพระพุทธศาสนาของที่นี่ ได้แนวคิดและต้นแบบมาจากหลายแหล่ง มีอยู่องค์หนึ่งเหมือนจะได้ต้นแบบมาจากพระเยซูด้วย คุณจะพบรูปประติมากรรมที่มีลักษณะคล้ายกับคนแคระและปีศาจ, สิ่งก่อสร้างรูปทรงกลมที่ทำจากหินอ่อน, มังกรที่เห็นแล้วอดรู้สึกประทับใจไม่ได้, แถมยังมีนักรบที่มีรูปร่างเป็นนกด้วย คำอธิบายว่ารูปประติมากรรมทั้งหมดนี้คืออะไรนั้น ก็มีไม่ค่อยมากนัก แต่การได้ไปสัมผัสพื้นที่นี้ด้วยตัวคุณเอง ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
สิ่งที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งของวัดนี้ คือ ถ้ำที่ประดิษฐานประติมากรรม (จำนวนมากกว่าที่กล่าวถึงไปข้างต้น) ถ้ำแห่งนี้จะนำคุณไปยังด้านในของวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารรูปโดมที่ดูโดดเด่นมาก ซึ่งในส่วนของสถาปัตยกรรมนั้น วัดอิชิเตจิถือเป็นวัดที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่ง ด้วยรูปแบบอาคารส่วนใหญ่ของที่นี่ สามารถย้อนกลับไปได้ถึงยุคคามาคุระตอนปลาย หรือประมาณต้นคริสต์ศตวรรษ 1300 เมื่อได้มองดูอาคารพวกนี้แล้ว จะทำให้คุณอดรู้สึกทึ่งไม่ได้ โดยเฉพาะเจดีย์สามชั้นที่ดูน่าตื่นตาเป็นพิเศษ ส่วนประตูนิโอมนก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติไปแล้วด้วย อันที่จริงนั้น อาคารจำนวนเจ็ดหลังของที่นี่ถือว่าเป็นสมบัติของชาติ หรือ สมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญไปแล้วด้วยเช่นกัน
ยังมีอะไรอีกมากมายในวัดอิชิเตจิแห่งนี้ และการมาชมสถานที่แห่งนี้ ก็เป็นการเริ่มต้นวันหรือปิดท้ายวันเที่ยวที่ดีมาก ๆ เป็นวิธีที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายวิธีหนึ่ง วัดอยู่ห่างจากสถานีรถรางสายโดโกะออนเซ็น (Dogo Onsen tram) ประมาณ 15 นาทีด้วยการเดินเท้า แต่ถ้านั่งรถบัสมาจะใช้เวลาห้านาที
เว็บไซต์ของวัดอิชิเตจิ *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
บตจัง (Botchan) คือ นวนิยายที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เขียนโดย นัตสึเมะ โซเซกิ นักเขียนชื่อดัง และตัวละครหลักอย่าง “บตจัง” ได้มาเป็นครูที่มัตสึยามะเหมือนตัวโซเซกิผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ ชาวเมืองมัตสึยามะมีความภูมิใจและให้ความสำคัญกับงานวรรณกรรมเป็นอย่างมาก โดยคุณจะพบสถานที่ที่ระลึกถึงตัวละครและผู้เขียนเรื่องนี้ปรากฏให้เห็นอยู่ในตัวเมือง
จุดที่น่าสนใจเกี่ยวกับบตจัง คือ นาฬิกาบตจัง คาราคุริ (Botchan Karakuri Clock) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานีโดโกะออนเซ็นแค่ไม่กี่ก้าว และทุก ๆ ชั่วโมง นาฬิกาจะมีแสดงโชว์สนุก ๆ ให้ได้ดู พร้อมกับการปรากฏตัวของตัวละครต่าง ๆ ที่อยู่ในนิยาย นาฬิกาสองชั้นจะยืดขยายขึ้นไปด้านบน เผยให้เห็นอีกสองชั้นที่เหลือและส่วนอื่น ๆ ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ เป็นโชว์สั้น ๆ แต่ก็น่าประทับใจมาก ต่อให้คุณไม่รู้จักนิยายเรื่องบตจัง คุณก็ยังเพลิดเพลินกับการชมได้
ถ้าเกิดว่าคุณพอมีเวลาว่างก่อนโชว์จะเริ่มแสดง ที่ฐานของนาฬิกาจะมีที่แช่เท้าสาธารณะให้บริการฟรีอีกด้วย
เว็บไซต์นาฬิกาบตจังคาราคุริ *เฉพาะภาษาอังกฤษ
ถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์จากเรื่องบตจังมากกว่านี้ คุณสามารถขึ้นรถไฟบตจังที่สร้างขึ้นโดยยึดต้นแบบมาจากขบวนหัวรถจักรไอน้ำที่บตจังโดยสาร
รถไฟขบวนนี้ออกเดินทางจากสถานีโดโกะออนเซ็น และจะมุ่งหน้าตรงไปยังสถานีมัตสึยามะ หรือ สถานีโคมาจิ ราคาค่าโดยสารต่อเที่ยวตกอยู่ที่ 800 เยน ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าโดยสารปกติ เพราะเวลาขึ้นรถรางจะอยู่ที่ 160 เยน
เวลาที่นั่งอยู่ในรถไฟ อย่าลืมสังเกตวิธีการหักเลี้ยวรถของคนขับที่น่าสนใจมาก ๆ และรถไฟขบวนนี้อาจจะแน่นเพราะมีคนต่อคิวรอกันยาว ส่วนในฤดูร้อนอากาศจะร้อนมาก ๆ เพราะรถไฟขบวนนี้เป็นรถแบบโบราณ
ถ้าไม่อยากขึ้นรถไฟ จะเลือกนั่งชิล ๆ ดูรถไฟแล่นออกจากสถานีรถรางโดโกะออนเซ็น หรือ แค่ชมขบวนรถไฟใกล้ ๆ ก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์รถไฟบตจังตั้งอยู่ข้าง ๆ สถานีมัตสึยามะชิ ซึ่งคุณสามารถเข้าชมได้ฟรีเพื่อเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของเส้นทางรถไฟสายต่าง ๆ ในเมืองมัตสึยามะได้มากขึ้นกว่าเดิม
เว็บไซต์ขบวนรถไฟบตจัง *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
โดโกะออนเซ็น แห่งเมืองมัตสึยามะ เป็นออนเซ็นที่โด่งดังและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น มีบุคคลสำคัญหลายคนเคยมาเยือนที่นี่อย่าง นัตสึเมะ โซเซกิ หรือแม้แต่พระราชวงศ์ของญี่ปุ่นก็เคยเสด็จมา สำหรับแฟน ๆ สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ทั้งหลาย ออนเซ็นแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับโรงอาบน้ำในภาพยนตร์เรื่อง มิติวิญญาณมหัศจรรย์ (Spirited Away)
ด้วยตัวอาคารขนาดใหญ่ของที่นี่ เป็นอะไรที่ชวนให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่แล้ว คุณอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นวัด หรือ บ้านพักขนาดใหญ่เมื่อได้เห็นมันครั้งแรก! ส่วนจุดเด่นจริง ๆ ของที่นี่ก็หนีไม่พ้นบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่ตัวนั่นเอง ซึ่งจะมีตัวเลือกให้คุณ 2 แบบ แบบแรก คือ “คามิโนะยู (Kami No Yu)” ซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่าและถูกกว่า อีกแบบหนึ่ง คือ “ทามะโนะยู (Tama no Yu)” ซึ่งจะดีกว่าแบบแรก นอกจากนี้ ยังมี ยูชินเดน (Yushinden) หรือ บ่อแช่ที่สงวนไว้ให้เฉพาะแก่พระราชวงศ์ของญี่ปุ่นเท่านั้น คุณสามารถเข้าชมที่นี่ได้ เพียงแต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าชมเพิ่มเติม ที่นี่ยังมีการเก็บรวบรวมเอกสารจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับออนเซ็นแห่งนี้ และฟุยุดะเก่า หรือ แผ่นไม้ที่ใช้แทนตั๋วสำหรับเข้าใช้บริการอีกด้วย
มีช่องจำหน่ายตั๋วสี่ช่อง และขอเตือนคุณไว้ก่อนว่าในวันที่คนแน่นมาก ๆ ตั๋วทุกประเภทอาจจะขายหมดเกลี้ยง ยกเว้นตั๋วราคาถูกสุด (และเนื่องจาก คามิโนะยูมีขนาดเล็กมาก คุณอาจจะต้องเสียเวลารอคิวเพื่ออาบน้ำหรือเข้าไปข้างใน) ราคาถูกสุดจะอยู่ที่ 410 เยน สำหรับใช้บริการ “คามิโนะยู” แต่ถ้าจ่าย 840 เยน คุณจะได้รับชุดยูกาตะสำหรับเช่า ซึ่งคุณสามารถสวมเวลาอยู่ในเลานจ์ได้ พร้อมเพลิดเพลินไปกับขนมและชา ถ้าจ่าย 1,250 เยน คุณจะได้ใช้บริการ “ทามะโนะยู” ซึ่งจะมีเลานจ์ที่สวยกว่า รวมถึงสามารถเดินทัวร์ในยูชินเดนได้ และยังจะได้รับชุดยูกาตะพร้อมผ้าขนหนูสำหรับให้เช่าอีกด้วย แต่ถ้าจ่าย 1,550 เยน คุณจะได้เลานจ์ส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อีกสามแบบ
ขอแนะนำให้เตรียมผ้าขนหนูและอุปกรณ์อาบน้ำของคุณไปด้วย ถึงแม้จะซื้อสบู่หรือเช่าผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ จากที่ออนเซ็นได้ก็ตาม
เว็บไซต์โดโกะ ออนเซ็น *มีระบบแปลภาษาอัตโนมัติ
การเดินทาง
เส้นทางสั้น ๆ ในย่านช้อปปิ้งอย่าง Dogo Shopping Arcade นี้ จะพาคุณเดินจากป้ายรถรางโดโกะออนเซ็นไปยังโดโกะออนเซ็น ถึงแม้ที่นี่จะเป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวอยู่เยอะ แต่ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะมากถ้าคุณอยากจะหาของฝากที่มีราคาไม่แพง หรือลองชิมขนมโบราณจากร้านค้าริมทาง คุณสามารถพบทุกอย่างได้ที่นี่ ตั้งแต่กิโมโนและพัดญี่ปุ่นไปจนถึงตะเกียบที่มีภาพเขียนประดับอย่างสวยงามและขนมหวานบตจัง
คุณจะได้พบกับร้าน Donguri no Mori หรือ ร้านขายสินค้าของสตูดิโอจิบลิ หลังจากไปชมโดโกะออนเซ็นที่ชวนให้คิดถึงการ์ตูนเรื่อง Spirited Away กันแล้ว แฟน ๆ ของจิบลิ จะต้องไม่พลาดมาเยือนร้านแห่งนี้ ที่นี่จะมีโตโตโระยักษ์นั่งอยู่ด้านนอกร้าน คอยต้อนรับคุณเข้าไปข้างใน (หรือจะแค่หยุดถ่ายรูปเฉย ๆ ก็ได้) ถึงแม้ว่าตัวละครอย่าง ผีไม่มีหน้า (No Face) และ ฮาคุ (Haku) จะเป็นสิ่งที่คุณอยากดูมากกว่าโตโตโระก็ตาม ข้างในร้านแห่งนี้มีสินค้าจาก Spirited Away เป็นจำนวนมาก ที่จะทำให้การเดินทางมาเมืองมัตสึยามะของคุณเป็นสิ่งที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม
เว็บไซต์ Dogo Shopping Arcade *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
แม้ว่าสวนโดโกะจะเคยเป็นที่ตั้งของปราสาทยูซุกิมาก่อน แต่ซากปราสาทก็มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิดแล้ว แต่คุณยังพอจะมองเห็นคูน้ำของเก่าได้อยู่ ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเก่า ๆ ที่ได้มาจากการขุดค้นตัวปราสาท และคุณสามารถเข้าไปชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ดี นี่คือ จุดที่ใกล้ที่สุดที่คุณจะสามารถเข้าถึงตัวปราสาทเก่าได้ และเหมาะแก่การเดินเล่นอย่างมาก มีต้นไม้และพืชพันธุ์สวย ๆ ขึ้นอยู่มากมาย คูน้ำเก่ายิ่งสวยเป็นพิเศษเพราะมีดอกบัวลอยอยู่เต็มไปหมด
ถ้าคุณเดินขึ้นเนินไป จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากของเมือง เวลาที่อากาศดี พื้นของสวนนี้จะเหมาะแก่การมานั่งปิกนิก สนามหญ้าที่นี่ยังมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับนั่งหรือวิ่งเล่น ถึงแม้ว่าสวนแห่งนี้ จะไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือนให้ได้ แต่ก็ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และเป็นที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบ จึงเหมาะจะมาพักผ่อนหรือมาเดินฆ่าเวลา (หรือมาวิ่งออกกำลังกายร่วมกับคนท้องถิ่น)
เว็บไซต์ของสวนโดโกะ *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
พิพิธภัณฑ์เครื่องแก้ว โดโกะ กิยะมัง (Dogo Giyaman Glass Museum) ตั้งอยู่ห่างจากโดโกะออนเซ็นแค่ไม่กี่นาที เป็นสถานที่ที่คนรักของเก่าจะต้องชื่นชอบ ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คุณจะได้พบกับเครื่องแก้วทุกชนิดจากยุคเอโดะ, ยุคเมจิ และยุคไทโช ถ้าคุณคาดหวังว่าจะได้เจอเครื่องแก้วสลักที่งดงามอลังการ คุณอาจจะต้องผิดหวัง เพราะของที่สะสมอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมด คือ ของใช้ในบ้านอย่างถ้วยชามหรือจาน แต่ถึงอย่างนั้นในของสะสมของที่นี่ก็มีชิ้นที่สวยมาก ๆ เก็บเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ค่าเข้าชมอยู่ที่ 600 เยน แม้ว่าราคาจะสูงไปบ้างสำหรับพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวจะมีคูปองส่วนลด 10% นอกจากนี้ ยังมีสถานที่สำหรับผ่อนคลาย มีร้านกาแฟพร้อมวิวสวยงามอย่าง สระน้ำและสวน คุณสามารถทานอาหารหรือจะลองจิบชาผลไม้รสอร่อย พร้อมเค้กหรือไอศกรีมพาร์เฟ่ต์ก็ได้
เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์เครื่องแก้ว โดโกะ กิยะมัง *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
ศาลเจ้าอิซานิวะตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้กับโดโกะออนเซ็น เมื่อคุณไต่ขึ้นทางเดินที่สูงชันไปแล้ว คุณจะได้พบกับวิวที่สวยงามและศาลเจ้าที่สวยงามยิ่งกว่า ว่ากันว่าที่นี่สร้างขึ้นทับสถานที่ที่จักรพรรดิจูไอ (Emperor Chuai) จักรพรรดิองค์ที่ 14 ของญี่ปุ่นเคยมาประทับสรงน้ำในสระที่โดโกะออนเซ็น ศาลเจ้าแห่งนี้ จึงมีประวัติศาสตร์ยาวนาน อาคารหลักที่เห็นอยู่ในปัจจุบันย้อนกลับไปได้ถึงปี 1667 และได้รับการยอมรับว่าเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าฮาจิมัน (Hachiman) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ด้วยเหตุนี้คุณจะได้เห็นภาพเขียนเกี่ยวกับนักรบและการทำสงคราม
ศาลเจ้าแห่งนี้ ยังเป็นที่นิยมสำหรับการจัดพิธีแต่งงานและพิธีอื่น ๆ แต่คุณก็สามารถเดินเข้าไปชมสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างในได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่มีการจัดพิธีอยู่ นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมแบบฮาจิมันซุคุริ (Hachiman-zukuri) ซึ่งหาได้ยากมาก ศาลเจ้าแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่คุณควรมาสำรวจ
เว็บไซต์ศาลเจ้าอิซานิวะ *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
มัตสึยามะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของวรรณกรรม แม้ว่านัตสึเมะ โซเซกิ จะมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด แต่ก็ยังมีนักเขียนอีกท่านหนึ่ง ผู้ซึ่งบอกว่ามัตสึยามะ คือ บ้านของเขาอย่าง ชิกิ มาซาโอกะ (Shiki Masaoka) (1867 – 1902) เป็นนักเขียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาของกวีนิพนธ์ไฮกุสมัยใหม่” เขาได้ช่วยปรับปรุงและทำให้กลอนไฮกุมีความทันสมัยในยุคเมจิ และในภายหลังเขาก็ได้เขียนกลอนทังคะด้วย ซึ่งเป็นรูปแบบกวีนิพนธ์ขนาดสั้นของญี่ปุ่น
พิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงชีวประวัติและมรดกของชิกิ คุณจะได้พบกับบ้านที่จำลองมาจากบ้านหลังที่เขาเคยอาศัยอยู่ร่วมกับนัตสึเมะ โซเซกิ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ยังจัดแสดงคำอธิบายประวัติศาสตร์ของมัตสึยามะไว้ เช่นเดียวกับเรื่องราวของนักเขียนคนอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น ค่าเข้าชมอยู่ที่ 400 เยน และแม้ว่าจะมีการจัดแสดงเป็นภาษาอังกฤษแค่บางส่วน แต่คุณก็สามารถเช่าออดิโอไกด์ภาษาอังกฤษได้ในราคา 200 เยน
ถ้าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังไม่จุใจพอ คุณสามารถไปเยือน ชิกิโด (Shikido) หรือ บ้านที่จำลองมาจากบ้านจริงของชิกิที่จัดแสดงโต๊ะเขียนหนังสือที่เขาใช้งานจริง รวมถึงภาพถ่าย งานเขียน และสิ่งของอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวนักเขียน ค่าเข้าชมที่นี่แค่ 50 เยนเท่านั้น นี่คือ สถานที่ท่องเที่ยวที่นับได้ว่าค่าเข้าถูกที่สุดแห่งหนึ่ง
เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ชิกิ *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของมัตสึยามะนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นปราสาทมัตสึยามะ ปราสาทที่ถือกันว่าเป็นหนึ่งใน 12 แห่งที่ยังเป็นของเดิม ตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดเนินเขาสูงชันใกล้กับป้ายรถรางโอไคโด (Okaido tram) และสามารถเดินทางขึ้นไปได้โดยใช้กระเช้าลอยฟ้า, สกีลิฟท์ (เที่ยวเดียว 270 เยน / ไปกลับ 510 เยน) หรือจะเลือกเดินขึ้นไปก็ได้
ตัวปราสาทสร้างขึ้นในต้นยุค 1600 แต่เดิมมีทั้งหมดห้าชั้น น่าเสียดายที่ถูกไฟไหม้ไปแล้ว โครงสร้างความสูงสามชั้นที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้ สามารถย้อนกลับไปได้ถึงปี 1820 แต่ส่วนที่เหลือรอดมาจากยุคปฏิรูปเมจิ ก็โดนระเบิดทำลายไปหมดแล้วในสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวอาคารหลักมีส่วนจัดแสดงที่น่าสนใจและสิ่งของที่คุณต้องดูอยู่มากมาย ส่วนอาคารสีดำที่ดูโดดเด่นและมีประตูบานใหญ่จำนวนมากมายที่ดูน่าตื่นตา ซึ่งมีประตูเจ็ดบานในนั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรม ในส่วนยอดของตัวปราสาทสามารถมองเห็นวิวที่น่าตื่นตา และจะสวยงามมากในฤดูใบไม้ผลิด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่งอยู่ทั่วทั้งบริเวณนั้น
เว็บไซต์ของปราสาทมัตสึยามะ *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่สำหรับรับประทานอาหาร ที่ย่านช้อปปิ้งอย่าง Okaido Shopping Arcade คือ สถานที่แนะนำอีกแห่ง โดยพื้นที่ในแหล่งช้อปปิ้งนี้ มีระยะทางของจุดตั้งต้นที่ป้ายรถรางโอไคโด (Okaido tram) และทอดตัวยาวออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร ก่อนจะไปสิ้นสุดที่สถานีมัตสึยามะ
ที่นี่คุณจะได้พบกับร้านอาหารและคาเฟ่จำนวนมาก (รวมถึงร้านที่ตกแต่งด้วยธีมเรื่องบตจัง) พร้อมกับเมนูอาหารทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ร้านฟาสต์ฟู้ดของญี่ปุ่น, ร้านอิซากายะ, อาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม, อาหารอิตาลี, อาหารอินเดีย เรียกได้ว่ามีครบทุกแบบ เป็นที่ที่เหมาะแก่การแวะพักระหว่างที่คุณไปเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ แถมยังมีร้านคาเฟ่สำหรับหาอะไรเบา ๆ ทานเล่น
คุณสามารถช้อปปิ้งที่นี่ได้อีกด้วย เพราะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ แม้จะเป็นสถานที่ช้อปปิ้งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้น้อยกว่า Dogo Shopping Arcade อยู่เล็กน้อย แต่คุณก็ยังสามารถหาของฝากได้จากที่นี่ ในฤดูร้อน คุณจะได้พบกับตลาดนัดคืนวันเสาร์ ที่จะเริ่มค้าขายกันตั้งแต่ตอนบ่าย รวมทั้งแผงอาหารและแผงเกมตั้งเรียงรายกัน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในงานเทศกาลเลยทีเดียว บางทีก็จะมีการจัดคอนเสิร์ตอีกด้วยนะ
เว็บไซต์ Okaido Shopping Arcade *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
บันซุยโซ (Bansuisou) คือ วิลล่าสไตล์ฝรั่งเศสในยุคศตวรรษที่ 19 ซึ่งซ่อนตัวอยู่บนเนินเขาใกล้กับปราสาทมัตสึยามะ ซาดาโกโตะ ฮิซามัตสึ (Sadakoto Hisamatsu) เจ้าของเดิมที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศสมาก่อน เจ้าตัวก็เลยอยากมีบ้านหลังที่สองเป็นสไตล์แบบตะวันตก เนื่องจากความใหญ่โตหรูหราของบ้าน บันซุยโซเลยเป็นสถานที่ยอดนิยมในการรวมตัวกันของชนชั้นสูง รวมถึงพระราชวงศ์เองก็เคยเสด็จมาเยือนเช่นกัน ตอนนี้ที่นี่เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ให้บุคคลทั่วไปเข้าชม
เมื่อมองจากด้านนอก วิลล่าหลังนี้ดูน่าตื่นตามาก แถมยังดูโดดเด่นออกมาจากบ้านเรือนรูปทรงญี่ปุ่นทั้งหลายด้วย เวลาที่แหงนหน้ามองผ่านแนวพุ่มไม้เขียวขจี จะเป็นภาพที่ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์ของดิสนีย์หรือเทพนิยาย อย่างไรก็ดี ภายในกลับเรียบง่ายไม่มีข้าวของอะไรมากเท่าไหร่นัก แม้คุณจะไม่อยากจ่ายค่าเข้าชมด้านในราคา 300 เยน แต่ก็ไม่ถือว่าคุณพลาดอะไรไปเท่าไหร่นัก เพราะก็ยังมีหน้าต่างสเตนกลาสสวย ๆ ให้ชมจากด้านนอก
ชั้นแรกของบ้านจะเป็นที่จัดคอนเสิร์ตและนิทรรศการที่เข้าชมได้ฟรี ซึ่งหลายครั้งก็คุ้มค่าแก่การเข้าไป ในตอนที่ผู้เขียนเข้าไปนั้น มีการจัดนิทรรศการของศิลปินที่สร้างสัตว์ต่าง ๆ ให้ออกมาเหมือนจริงอย่างไม่น่าเชื่อ และไม่นานมานี้ ที่นั่นก็เพิ่งจัดนิทรรศการชุดเกราะของญี่ปุ่นไป นอกจากนี้ ยังมีสวนที่น่ารักมาก ๆ แล้วยังมีบึงน้ำที่ช่วยขับให้ภาพของวิลล่าดูมีเสน่ห์และมนตร์ขลังขึ้นมา และยังมีคาเฟ่ให้นั่งด้วย
เว็บไซต์บันซุยโซ (Bansuisou) *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
จากบันซุยโซ ลงเนินไปจะพบกับ พิพิธภัณฑ์ซากะโนะอุเอะคุโมะ (Saka no Ue no Kumo Museum) ซึ่งเป็นอาคารกระจกสไตล์โมเดิร์นที่ดูโดดเด่นมาก แค่รูปแบบสถาปัตยกรรมของที่นี่ก็ควรค่าแก่การไปชมแล้ว ชื่อของสถานที่แห่งนี้แปลว่า “เมฆเหนือเนินเขา” ชื่อนี้มาจากนวนิยายเรื่องหนึ่งของ ชิบะ เรียวทาโร่ (Shiba Ryotaro) ที่ดำเนินเรื่องโดยใช้มัตสึยามะเป็นฉากหลัก
ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีนิทรรศการที่แสดงให้เห็นว่ามัตสึยามะในยุุคเมจิเป็นอย่างไร คุณจะได้พบกับจดหมายเก่า หนังสือเก่า ภาพถ่ายเก่า รวมถึงข้าวของเก่า ๆ อย่างอื่นด้วย แน่นอนว่าคุณยังจะได้พบกับนิทรรศการที่กล่าวถึงตัวละครและสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งปรากฏในนวนิยาย ถ้าเกิดว่าคุณคุ้นเคยกับหนังสือเล่มนี้ (หรือเวอร์ชั่นที่ฉายทางทีวี) คุณจะเพลิดเพลินกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้มากเลยทีเดียว น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีภาษาอังกฤษ แต่คุณสามารถเช่าออดิโอไกด์ภาษาอังกฤษได้ในราคา 100 เยน
เว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ซากะโนะอุเอโนะคุโมะ *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
พิพิธภัณฑ์ศิลปะของจังหวัดเอฮิเมะ (Museum of Art Ehime) อยู่ไม่ไกลจากป้ายรถรางมินามิโฮริบาตะ (Minami-Horibata tram) ใช้เวลาเดินแค่ห้านาที โดยมีราคาค่าเข้าชมอยู่ที่ 300 เยน คุณจะได้พบกับผลงานศิลปะของทั้งศิลปินในท้องถิ่นและของศิลปินชาวยุโรป พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นที่เก็บม้วนหนังสือในยุคเอโดะเช่นเดียวกับภาพเขียนร่วมสมัย ส่วนนิทรรศการพิเศษจะราคาแพงกว่า แต่คุณก็มักจะได้พบกับของที่น่าสนใจที่นั่น ในอดีตที่นี่เคยจัดแสดงทุกอย่าง ทั้งของที่มาจากราชสำนักจีนไปจนถึงศิลปะอียิปต์โบราณ รวมถึงตัวการ์ตูน มิฟฟี่ (Miffy) กระต่ายน้อยน่ารัก
ถ้าคุณอยู่ที่มัตสึยามะ สามารถเข้าไปเช็คข้อมูลที่ เว็บไซต์ของทางพิพิธภัณฑ์ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่น) เพื่อดูว่าในตอนนั้น ทางพิพิธภัณฑ์กำลังจัดแสดงของสะสมอะไรที่น่าสนใจอยู่
เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ศิลปะของจังหวัดเอฮิเมะ *เฉพาะภาษาอังกฤษ
การเดินทาง
ผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่เป็นสินค้าหลักของเอฮิเมะ คือ มิคัง (ส้มแมนดาริน) มัตสึยามะจึงเป็นสถานที่สำคัญที่ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับส้มอย่างเช่น น้ำส้ม, เยลลี่ หรือไอศกรีม ถ้าคุณเดินเข้าไปในถนนช้อปปิ้ง จะต้องได้พบกับร้านคาเฟ่ที่ขายขนมหวานที่ทำจากส้มมากมาย
ถ้าคุณกำลังมองหาของฝาก ที่นี่ก็มีคุกกี้กับเค้กรสส้มที่เป็นของขึ้นชื่อ และในช่วงฤดูใบไม้ร่วง คุณสามารถเก็บส้มได้ก่อนที่จะเดินทางกลับจากเอฮิเมะ
ถ้าอยากได้ของฝากที่มีธีมเป็นส้มที่น่ารัก ๆ ขอแนะนำ “Mikyan” สุนัขที่มีอีกส่วนหนึ่งเป็นส้ม ซึ่งเป็นมาสคอตประจำจังหวัดเอฮิเมะนั่นเอง แล้วเรายังสามารถหาสินค้าชั้นดีชนิดต่าง ๆ อย่าง ปากกา, เครื่องเขียน, สติ๊กเกอร์, ถุงเท้า และอื่น ๆ ซึ่งมีภาพของมาสคอตตัวนี้ปรากฏอยู่ด้วย นอกจากนี้ ยังมีอีกเวอร์ชั่นอย่าง “Dark Mikyan” ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ดูน่ารักแบบดาร์ก ๆ
แม้ว่ามัตสึยามะจะไม่ใช่จุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมนัก แต่ก็เป็นที่ที่คุณควรไปเยือน เพราะการเดินทางสะดวกสบาย มีรถรางวิ่งอยู่ตลอด แถมสถานที่ท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่ก็กระจายอยู่รอบ ๆ โดโกะออนเซ็นหรือตัวปราสาทด้วย คุณสามารถเดินสำรวจสถานที่หลัก ๆ ได้หมดในหนึ่งวัน โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่คุณจะใช้เวลาได้อย่างสบาย ๆ ในการเที่ยวในเมืองแห่งนี้
ถ้าคุณได้มาที่ภูมิภาคชิโกกุ หรือ ประเทศญี่ปุ่นตอนใต้ มัตสึยามะ คือ อีกเมืองที่คุณไม่ควรพลาด สำหรับการเดินทาง ซึ่งรถไฟชินคันเซ็นขบวนที่ใกล้ที่สุดจะออกจากจังหวัดโอคายามะ โดยใช้เวลาทั้งหมด 2.5 ชั่วโมง นอกจากนี้ คุณยังสามารถขึ้นเครื่องบินจากโตเกียว หรือ ขึ้นเรือเฟอร์รี่จากจังหวัดยามากุจิ หรือ ฮิโรชิม่า รวมถึงขึ้นรถบัสจากเมืองใหญ่ ๆ ได้ด้วย
เว็บไซต์การท่องเที่ยวมัตสึยามะ *เฉพาะภาษาอังกฤษ
หากต้องการหาที่พักในมัตสึยามะ สามารถดูข้อมูลทั้งหมดได้ที่นี่!