ทะเลสาบฟุกุชิมะ หรือที่เรียกว่า ฟุกุชิมะกะตะ (Fukushimagata) เป็นอ่างเก็บน้ำขนาด 271 เอเคอร์ใกล้จังหวัดนีงะตะและหันหน้าออกสู่ทะเล บริเวณทะเลสาบมีสวนสาธารณะที่มีดอกไม้นานาชนิดและสัตว์ตามธรรมชาติ นิตยสารมากมายต่างยกให้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามน่าอัศจรรย์ที่สุดแห่งหนี่งในญี่ปุ่น เราลองมาดูกันดีกว่าว่าทะเลสาบแห่งนี้มีอะไรพิเศษซ่อนอยู่บ้าง
สวนสาธารณะทะเลสาบฟุกุชิมะเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนกับครอบครัวและเพื่อน เพราะมีทั้งสวน สระน้ำ ฟาร์ม หอคอยชมวิวและอื่น ๆ อีกมากมาย เดิมคนญี่ปุ่นในพื้นที่อยากให้เปลี่ยนทะเลสาบเป็นทุ่งนาขนาดใหญ่ แต่ได้เปลี่ยนใจทีหลังเพราะอยากเก็บรักษาความใสสะอาดของน้ำในทะเลสาบเอาไว้
จุดประสงค์สำคัญของสวนสาธารณะแห่งนี้ คือ ต้องการดึงดูดให้มีคนเข้ามาเที่ยวชมและดื่มด่ำกับความสวยงามของธรรมชาติ ทุกปีสวนแห่งนี้จะมีฝูงนกอพยพอพยพจากไซบีเรียบินมาที่ทะเลสาบ ซึ่งกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องอนุรักษ์ทะเลสาบแห่งนี้เอาไว้
นอกจากการชมต้นไม้และนกแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อย่างเช่น การว่ายน้ำ ซึ่งสวนสาธารณะแห่งนี้มีสระว่ายน้ำในร่มที่เรียกว่า ยุซุยคัง (Yusuikan) ที่มีสไลเดอร์หลายแบบ และยังมีอ่างจากุซซี่ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจหลังจากเดินชมสวน หรือคุณอาจจะนั่งเรือโบราณรูปทรงคล้ายอ่างน้ำร้อนที่เรียกว่า “คิบูเนะ (kibune)” เพื่อสำรวจพื้นที่รอบสวนสาธารณะ ซี่งเรือลำนี้จะพบเห็นได้แค่ที่จังหวัดนีงะตะเท่านั้น
พิพิธภัณฑ์ทะเลสาบฟุกุชิมะเป็นอาคารสมัยใหม่ที่มีโครงสร้างทรงกลม ภายในตัวอาคารมีการจัดแสดงเรื่องราวและรูปถ่ายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ งานฝีมือ วัฒนธรรม และสิ่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการออกแบบโดย จุน อะโอกิ (Jun Aoki) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาปนิกที่มีชื่อเสียงและมีผลงานการออกแบบอาคารต่าง ๆ มาแล้วหลายแห่งในญี่ปุ่น เช่น ร้าน Louis Vuitton สาขากินซ่าและรปปงหงิ, พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาโอโมริ โซโนเรียม (The Sonorium ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงดนตรีในโตเกียว), โชว์รูมของโตเกียวมิตซูบิชิ และอื่น ๆ
ภายในพิพิธภัณฑ์มีทั้งหมดเจ็ดชั้น แต่ละชั้นจัดแสดงงานต่างกัน ซึ่งเน้นการบอกเล่าความสำคัญของภูมิภาคนี้ จากชั้นล่างขึ้นไปถึงชั้นบนจะเป็นบันไดเกลียวและทางลาด นอกเหนือไปจากการแสดงภาพถ่ายแล้ว พิพิธภัณฑ์ยังมีบริการคาเฟ่และจุดชมวิวอยู่ที่ชั้น 7 ซึ่งคุณจะได้เห็นวิวทะเลสาบอันสวยงามจากที่แห่งนี้
คุณจะได้เห็นสิ่งพิเศษที่จะเกิดขึ้นแค่ที่นี่ที่เดียว นั่นก็คือ ห่านไซบีเรีย ที่เรียกว่า Ohisikui ซึ่งเป็นสัตว์หายากและเป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่น ฝูงห่านเหล่านี้อพยพมาจากคัมซัตคาซึ่งอยู่ในเขตการปกครองของประเทศรัสเซีย เดินทางมายังทะเลสาบแห่งนี้เป็นจำนวนมากในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป
อีกทั้งยังมีดอกบัวสายพันธุ์หายากที่มีชื่อเรียกหลายชื่ออย่างเช่น Gorgon, Onibasu, Euryale Ferox, Fox Nut หรือ Makhana ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่โตในประเทศอย่างไซบีเรีย จีน เกาหลี และญี่ปุ่น ใบบัวจะมีขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำและมีดอกไม้สีม่วงแซม ซึ่งดอกไม้นี้จะบานในช่วงปลายฤดูร้อนเท่านั้น ในประเทศอินเดียและจีนนิยมปลูกดอกบัวกันมากโดยจะนำส่วนของใบมาทำอาหารและมีอยู่เป็นจำนวนมากเมื่อเปรียบเทียบกับในประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น นักอนุรักษ์จึงพยายามอย่างมากในการรักษาบัวสายพันธุ์นี้ไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากประเทศญี่ปุ่น
พื้นที่รอบทะเลสาบทั้งหมดถูกจัดว่าเป็นพื้นที่ที่ได้รับการดูแลทางระบบนิเวศวิทยาและเป็นสวนสาธารณะตามธรรมชาติโดยรัฐบาล
ทะเลสาบฟุกุชิมะจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อคุณได้มาเยือนจังหวัดนีงะตะ เพราะคุณจะได้ชื่นชมกับความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ โดยเฉพาะในฤดูร้อนเพราะจะได้เห็นดอกบัวและห่านไซบีเรียอพยพที่จะทำให้ได้รับประสบการณ์พิเศษที่หาไม่ได้จากที่ไหน
เว็บไซต์สวนทะเลสาบฟุกุชิมะ *เฉพาะภาษาอังกฤษ