สึนามิเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศญี่ปุ่น โดยมีสาเหตุหลักอยู่ที่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ซึ่งมักจะเกิดขึ้นทุก ๆ 100 ถึง 150 ปี ด้วยเหตุนี้จึงมีการดำเนินมาตรการขั้นสูงเพื่อป้องกันสึนามิที่จะเกิดขึ้นในอนาคตรวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติกันทั่วประเทศ และมีการใช้หินสึนามิเพื่อเตือนให้ทราบถึงผลกระทบอันร้ายแรงของสึนามิที่เคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะที่หมู่บ้านอาเนะโยชิ (Aneyoshi) ซึ่งสามารถพบเห็นหินดังกล่าวตั้งเรียงรายอยู่ตามแนวชายฝั่งเพื่อเตือนให้คนรุ่นหลังทราบ
เมื่อมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้นในมหาสมุทร ก้นทะเลจะเกิดการยกตัวขึ้นหรือทรุดตัวลง ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของน้ำในแนวดิ่งซึ่งส่งผลให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ที่ซัดไปในทุกทิศทางที่เรียกกันว่า “สึนามิ” ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศญี่ปุ่นมาเป็นเวลานานหลายปี
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 1983 เกิดสึนามิขนาดความสูง 10 เมตรอันเป็นผลจากแผ่นดินไหวในทะเลญี่ปุ่น ซึ่งได้คร่าชีวิตนักเรียนชั้นประถมไป 13 คน ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1896 ได้เกิดแผ่นดินไหวที่ส่งผลให้เกิดสึนามิตามมาและคร่าชีวิตผู้คนในภูมิภาคตะวันออกของญี่ปุ่นไปกว่า 22,000 คน
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 1993 เกิดแผ่นดินไหวในฮอกไกโดตามมาด้วยคลื่นยักษ์ขนาด 15 เมตรเข้ากระทบชายฝั่งของเกาะโอคุชิริ (Okushiri) ส่งผลให้มีน้ำทะเลไหลซอกซอนไปตามหุบเขาแคบ ๆ จนมีระดับน้ำสูงถึง 30 เมตร และคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 200 คน
Tsunami stone along Japan's coast warning people not to build below this point. Erected after 1896 tsunami pic.twitter.com/SUUBIj8g
— Mark Willacy (@markwillacy) September 12, 2012
การเกิดสึนามิอันส่งผลกระทบร้ายแรงเหล่านี้ นำไปสู่การสลักหินที่เรียกว่า “หินสึนามิ” ซึ่งจะนำไปวางไว้ตามจุดที่สึนามิเคยไปถึงจริง ๆ เพื่อเตือนให้คนรุ่นหลังทราบเพื่อการเตรียมการป้องกันผลกระทบอันรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และนอกเหนือจากการเตือนแล้ว ยังช่วยให้ทราบถึงระยะทางจากชายฝั่งที่สามารถหลบหนีภัยจากคลื่นสึนามิได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
Hundreds of these 'tsunami stones', some more than six centuries old, dot the coast of Japan: http://t.co/ehfgpiJiZU pic.twitter.com/s5HPa3QvtW
— AJ+ (@ajplus) August 26, 2015
เชื่อกันว่ามีการเริ่มสร้างหินสึนามิกันมานานแล้ว ตัวอย่างหนึ่งได้แก่ที่หมู่บ้านอาเนะโยชิในจังหวัดอิวาเตะที่มีการสร้างหินสึนามิขึ้นหลังเกิดเหตุสึนามิที่คร่าชีวิตผู้คนในบริเวณนั้นไปกว่า 22,000 คน โดยมีการอพยพไปตั้งถิ่นฐานกันบนเนินเขาที่สูงขึ้นพร้อมทั้งจารึกข้อความบนหินเอาไว้ว่า “ขอให้ลูกหลานของเราอาศัยอย่างสงบและปรองดองกันบนพื้นที่สูง จงจดจำหายนะจากสึนามิครั้งใหญ่นี้เอาไว้ และอย่าได้สร้างบ้านเรือนขึ้นในจุดที่ต่ำกว่านี้เป็นอันขาด”
หลังจากเหตุสึนามิครั้งล่าสุดเมื่อปี 2011 ก็ได้มีการติดตั้งหินสึนามิแบบสมัยใหม่กันมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองโอนากาวะ (Onagawa) จังหวัดมิยางิ ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น
หินสึนามิไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เตือนให้ทราบถึงภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้น แต่ยังเป็นอนุสรณ์ถึงเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอีกด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไปหินเหล่านี้ก็มักถูกลืมเลือนเนื่องจากผู้คนหันไปให้ความไว้วางใจกับแนวกำแพงขนาดใหญ่ตามชายฝั่งทะเลที่รัฐบาลเป็นผู้สร้างกันมากขึ้น แม้กระนั้นในสถานที่บางแห่งเช่นที่อาเนะโยชิ ผู้คนก็ยังคงให้ความสำคัญกับการเตือนแบบดั้งเดิมนี้เสมอมา